มองเศรษฐกิจไทยปี 65 จะโตได้ร้อยละ 3-3.5 คาดการณ์ค่าเงินบาทจะไม่หลุดกรอบ 38 บาทดอลลาร์สหรัฐ

 

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวถึงภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ว่าจะสามารถเติบโตได้ในระดับ 3.00-3.50 จากปัจจัยของเศรษฐกิจจีนที่ส่งสัญญานฟื้นตัว แม้จะมีการประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ภาวะขาดแคลนอาหารจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้น จะส่งผลในเชิงบวกกับการส่งออกของไทยที่คาดว่าจะได้ถึงร้อยละ 5.8 ประกอบกับในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้การท่องเที่ยวของไทยจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้น โดยคาดการณ์รายได้จากภาคการท่องเที่ยวจะสูงถึง 2 แสนล้านบาท ประกอบกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่มีผลกับประชาชนราว 10-15 ล้านคน และจะมีเงินสะพัดเดือนละกว่า 5-6 พันล้านบาท

ในส่วนของปัจจัยที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดคือ สถานการณ์ของค่าเงินบาทในขณะนี้ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในทิศทางเดียวกันกับค่าเงินอื่นทั่วโลก โดยมองว่าค่าเงินบาทจะอยู่ในกรอบ 37-38 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ และจะไม่หลุดจากกรอบ 38 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากปัจจัยบวกในข่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่จะมีเงินไหลเข้ามาจากภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกที่ทำได้เพิ่มมากขึ้น

นายธนวรรธน์ กล่าวอีกว่า ความขัดแย้งระหว่างประเทศจะส่งผลต่อราคาพลังงาน ที่จะปรับตัวสูงขึ้นเกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาเรล และส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อลดแรงกดดันของอัตราเงินเฟ้อ ทั้งนี้มองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2566 จะยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องที่ร้อยละ 3.5


Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar